RTGS Blog
เขียนโดย Phra Niphatharo @ 11:30 3 ความคิดเห็น
⌨️🖱️🧑💻…sattakayo ca akaso cakkavala canantaka buddhananam appameyyam na sakka ete vijanitum…💻🪪✍️
⌨️🖱️🧑💻…💻🪪✍️“คุณสมุทัยของพระพุทธเจ้า คุณสมุทัยของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า และคุณสมุทัยของพระอรหันต์, น่าจะจัดว่า ‘เป็นใบไม้ในพระหัตถ์ที่ทรงแสดง’ นั้น, เพราะ ว่าด้วย ‘นิรุตติธรรม’ หรือสารต้นกัป หรือภาษาต้นกัป ก็ย่อมจะไม่พอ! เพราะว่า ที่ไม่ได้เรื่อง หรือมีกำลังอยู่ไม่พอ ฉะนั้น, เรื่อง คงจะไม่พอ เป็น ใบไม้ ใบหนึ่ง กระมัง หรือก็คือไม่พอมติ หรือมิติ! ที่จะให้เป็นใบไม้ ได้ นั่นเอง, จึง แม้นพระปิฎกเอง ก็จึงพึง ว่า แต่ ๓ ตะกร้า ด้วย ทั้งนั้น, แม้น ว่านัย แห่ง บท ‘นิรุตติปถสูตร’ ก็ยังจะต้อง อ้างเอา กองธาตุ คือ อารัพภธาตุ ความก้าวออก นิกกมธาตุ ความก้าวไปแล่นไป และ ปรักกมธาตุ ความบากบั่นไม่ถอย, แล้ว จึง เป็น ใบไม้ ที่ไม่ขาด!แหว่ง ได้ มีลวดลายครบ, มิได้สร้าง หรือทำลาย มาเปล่า, เป็นสิ่งมีสัญญาอาณัติ ลงเช่นนั้น, เรื่อง ใบไม้ อันยัง ไม่คล้องกัน หรือไม่โยงถูกกัน กับเรื่อง พระรัตนตรัย ก็จะพึงไม่ได้เลย, เช่นนี้ แล้ว จะให้ อาตมา ต้องรั้งอยู่ และต้อง ขบคิดถึงเรื่องนี้ ทุกเมื่อ ทุกคราว, ก็ย่อม แต่จะแสดงให้รู้ ได้ ซึ่งว่า ชื่อ บัญญัติ และภาษา ก็ย่อม ต้องทำไปให้ถูกความ ด้วย คือ มิน้อย กระบวน ๓ อยู่นั้น, คือ เรื่อง ‘ตรารูป ตราเสียง และอาณัติสัญญา’ ที่ให้ได้, แต่ที่จริงว่า ใบไม้ ย่อม ไม่เห็นมีเสียง หรือคงจะเป็นเพราะ อ่าน ลวดลาย! หรือมีการทำลาย! อันลวดลายใบไม้ เช่นนั้น ทำลายมาเช่นนั้น ใคร ๆ ก็ อ่านไม่ออก!, แล้ว จึงเป่าใบไม้ ดูที! จึงสรุปว่า ใบไม้ คือ ลิ้น!, เช่นนี้ นักตำราหนังสือ ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกแห่ง นอกจาก อัน แต่แค่ จะรู้ แล้ว ย่อม กำหนดสัจจะ กันว่า สระตัวแรก ในโลกที่ตราความเจริญ ได้ ฉะนั้น คือ สระ อุ และอักษร พยัญชนะตัวแรก สำหรับโลกที่ให้ตราความเจริญเช่นนั้น ย่อม มีอักษร ตัวแรก คือ ว แหวน, เช่นนั้น เมื่อ ถอดมายาออก ปลดเปลื้อง ทำลาย การขีดเขียนอย่าง มีเป็น เพื่อมายา นั้นออก ย่อม แต่ จะได้ ชื่อใบไม้ ว่า ‘วรอุดร’ [วะ-ระ-อุ-ดอน] นั่นเอง, ว่า ไปเรื่อง ‘ประดู่ (พะ-ระ-อุ-ดอน) หรือประดู่ลาย’, แล้ว เมื่อ จะเสริม เรื่องนี้ ถึง ปรากฏการณ์ อันที่ ต้องเรียน ต้องทำ ประดา หนังสือ ทุกชั้นความ ให้ลุล่วงไปถึง บท ‘อักษรอริยกะ’ ด้วยแล้ว นั้นแล้ว จะทอน ใบไม้! หรือความหมาย แห่งใบไม้ ลงเหลือ แค่ ๒ มิติ หรือ ๒ มติ เท่านั้น, อาตมา จะต้อง อธิบายแบบไหน?, เพราะ ถ้าหาก ให้อธิบาย แบบดูถูกปัญญา! อาตมา ก็ย่อม ที่จะอธิบายไม่ได้ ทั้งที่ เพียร! แต่ คิด! แต่เขียน! ไปตาม ‘บท นิรุตติปถสูตร และบท แห่ง นิรุตติธรรม’ เท่านั้น แล้ว,เพราะว่า สีขาว! จะต้องให้ได้ถูกย้อมเป็นสีกรัก! ก็ย่อมที่จะไม่มีปัญหาอยู่เลย แต่ทางใด, เช่นนั้น ใบไม้! หรือพืชที่ให้สี เป็นอย่างอื่น อันมิใช่ธง! ย่อมเป็นปัญหาของเรื่องใบไม้นั้น คือ ทั่ว ๆ ไป ย่อม เข้าใจว่า ใบไม้แก่ เมื่อป่น แล้วมาย้อม คงพึงย่อม ธรรมดา ให้สีเหลือง หรือสีไม้นั้น แต่ส่วน! ใบไม้เขียว อยู่นั่น ลงถ้า จะเอาใบไม้เขียว มาทำการย้อม รั้งอยู่ ก็ต้อง แต่จะได้ ผ้าสีเขียว! ไปหมด เท่านั้น, ซึ่ง พิธี การเถลิงอำนาจ ในการครองราชย์ ของกษัตริย์ ในโลก ย่อม แต่ ไม่มีใครรู้ใครทราบ หรือทราบเรื่องนี้ด้วยอย่างไร, ว่าการตรา ศาสนพิธี นั้น เดิม เมื่อ ก่อน สมัยต้นเรื่อง ต้นกัป จริง ๆ ครั้ง พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่งคัมภีร์พระสัพพัญญู ให้พราหมณ์ ไปเผยแพร่ เรื่อง พิธี ฉะนั้น เมื่อ ใดที่ จะมีการ สถาปนา พระพุทธาณาจักร อยู่โดยแท้ จงให้เจ้าเรื่อง แห่งการสถาปนา นั้น พึง ทัด พึงเหน็บ ใบไม้แก่ ที่หูซ้าย ทำเดินอุตรา แลพึง ทัด พึงเหน็บ ใบไม้เขียว ที่หูขวา ทำเดิน ทักษิณ, จึง เป็น ธรรมกิจ ยุติ การแสดงที่ กำหนด การตั้ง เขต สถาปนา บท พระพุทธาณาจักร แล้ว นั้น, ใบไม้ ตามความ ความรู้เรื่อง ใบไม้ ก็ยังใช้ ต้อง ๒ ใบ, โดยที่ สุด ประเด็นเรื่อง ใบไม้ในมือมีกี่ใบ แต่ส่วน แห่ง อาการ คือ กาย! ย่อม ว่า มี ๒ ใบ (หู) จึง รวมกับ ลิ้น! ด้วย จึงได้มี ใบไม้ ๓ ใบ, แล้ว ลิ้น (คือใบไม้) นั้น นั่นเอง คือ พระชิวหา ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกพุทธเจ้า, อันถูก แก่ นัย คือ คุณสมุทัย อันมี อันเป็น อยู่ทั่ว ฉะนั้น จะให้ได้ ผ้าสีอะไร? หาก, ครั้ง เมื่อ หาก เราว่า อย่าง เห็น ๆ กะเรื่อง เทคโนโลยี การศึกษา หรือ เครื่องมือการศึกษา ที่ทำมา ที่พัฒนา เป็น อยู่อย่างนี้ , อันคือ มัน จะต้องสรุป ไปได้ว่า (Link = นัยว่า ลิ้น!), โลก ปัจจุบันนี้ มันมีนัย! คือมี แสดง การมี ลิ้นแดง ลิ้นน้ำเงิน และลิ้นดำ อยู่เป็นหลัก, นัย ครั้งนั้น ที่แดนมนุษย์ ยัง มีการ อ่านออก บอกถูก ว่าปัญญา ไม่เสื่อม”
💻🪪🖱️…⌨️✍️🧑💻Considering the joint development and research of the community, society, personal and spiritual conditions, by using a draft That is hypothetical With consideration In the way that there is no conclusion.
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก
3 ความคิดเห็น:
⌨️🖱️🧑💻…sattakayo ca akaso cakkavala canantaka buddhananam appameyyam na sakka ete vijanitum…💻🪪✍️
⌨️🖱️🧑💻…💻🪪✍️
“คุณสมุทัยของพระพุทธเจ้า คุณสมุทัยของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า และคุณสมุทัยของพระอรหันต์, น่าจะจัดว่า ‘เป็นใบไม้ในพระหัตถ์ที่ทรงแสดง’ นั้น, เพราะ ว่าด้วย ‘นิรุตติธรรม’ หรือสารต้นกัป หรือภาษาต้นกัป ก็ย่อมจะไม่พอ! เพราะว่า ที่ไม่ได้เรื่อง หรือมีกำลังอยู่ไม่พอ ฉะนั้น, เรื่อง คงจะไม่พอ เป็น ใบไม้ ใบหนึ่ง กระมัง หรือก็คือไม่พอมติ หรือมิติ! ที่จะให้เป็นใบไม้ ได้ นั่นเอง, จึง แม้นพระปิฎกเอง ก็จึงพึง ว่า แต่ ๓ ตะกร้า ด้วย ทั้งนั้น, แม้น ว่านัย แห่ง บท ‘นิรุตติปถสูตร’ ก็ยังจะต้อง อ้างเอา กองธาตุ คือ อารัพภธาตุ ความก้าวออก นิกกมธาตุ ความก้าวไปแล่นไป และ ปรักกมธาตุ ความบากบั่นไม่ถอย, แล้ว จึง เป็น ใบไม้ ที่ไม่ขาด!แหว่ง ได้ มีลวดลายครบ, มิได้สร้าง หรือทำลาย มาเปล่า, เป็นสิ่งมีสัญญาอาณัติ ลงเช่นนั้น, เรื่อง ใบไม้ อันยัง ไม่คล้องกัน หรือไม่โยงถูกกัน กับเรื่อง พระรัตนตรัย ก็จะพึงไม่ได้เลย, เช่นนี้ แล้ว จะให้ อาตมา ต้องรั้งอยู่ และต้อง ขบคิดถึงเรื่องนี้ ทุกเมื่อ ทุกคราว, ก็ย่อม แต่จะแสดงให้รู้ ได้ ซึ่ง
ว่า ชื่อ บัญญัติ และภาษา ก็ย่อม ต้องทำไปให้ถูกความ ด้วย คือ มิน้อย กระบวน ๓ อยู่นั้น, คือ เรื่อง ‘ตรารูป ตราเสียง และอาณัติสัญญา’ ที่ให้ได้, แต่ที่จริงว่า ใบไม้ ย่อม ไม่เห็นมีเสียง หรือคงจะเป็นเพราะ อ่าน ลวดลาย! หรือมีการทำลาย! อันลวดลายใบไม้ เช่นนั้น ทำลายมาเช่นนั้น ใคร ๆ ก็ อ่านไม่ออก!, แล้ว จึงเป่าใบไม้ ดูที! จึงสรุปว่า ใบไม้ คือ ลิ้น!, เช่นนี้ นักตำราหนังสือ ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกแห่ง นอกจาก อัน แต่แค่ จะรู้ แล้ว ย่อม กำหนดสัจจะ กันว่า สระตัวแรก ในโลกที่ตราความเจริญ ได้ ฉะนั้น คือ สระ อุ และอักษร พยัญชนะตัวแรก สำหรับโลกที่ให้ตราความเจริญเช่นนั้น ย่อม มีอักษร ตัวแรก คือ ว แหวน, เช่นนั้น เมื่อ ถอดมายาออก ปลดเปลื้อง ทำลาย การขีดเขียนอย่าง มีเป็น เพื่อมายา นั้นออก ย่อม แต่ จะได้ ชื่อใบไม้ ว่า ‘วรอุดร’ [วะ-ระ-อุ-ดอน] นั่นเอง, ว่า ไปเรื่อง ‘ประดู่ (พะ-ระ-อุ-ดอน) หรือประดู่ลาย’, แล้ว เมื่อ จะเสริม เรื่องนี้ ถึง ปรากฏการณ์ อันที่ ต้องเรียน ต้องทำ ประดา หนังสือ ทุกชั้นความ ให้ลุล่วงไปถึง บท ‘อักษรอริยกะ’ ด้วยแล้ว นั้น
แล้ว จะทอน ใบไม้! หรือความหมาย แห่งใบไม้ ลงเหลือ แค่ ๒ มิติ หรือ ๒ มติ เท่านั้น, อาตมา จะต้อง อธิบายแบบไหน?, เพราะ ถ้าหาก ให้อธิบาย แบบดูถูกปัญญา! อาตมา ก็ย่อม ที่จะอธิบายไม่ได้ ทั้งที่ เพียร! แต่ คิด! แต่เขียน! ไปตาม ‘บท นิรุตติปถสูตร และบท แห่ง นิรุตติธรรม’ เท่านั้น แล้ว,เพราะว่า สีขาว! จะต้องให้ได้ถูกย้อมเป็นสีกรัก! ก็ย่อมที่จะไม่มีปัญหาอยู่เลย แต่ทางใด, เช่นนั้น ใบไม้! หรือพืชที่ให้สี เป็นอย่างอื่น อันมิใช่ธง! ย่อมเป็นปัญหาของเรื่องใบไม้นั้น คือ ทั่ว ๆ ไป ย่อม เข้าใจว่า ใบไม้แก่ เมื่อป่น แล้วมาย้อม คงพึงย่อม ธรรมดา ให้สีเหลือง หรือสีไม้นั้น แต่ส่วน! ใบไม้เขียว อยู่นั่น ลงถ้า จะเอาใบไม้เขียว มาทำการย้อม รั้งอยู่ ก็ต้อง แต่จะได้ ผ้าสีเขียว! ไปหมด เท่านั้น, ซึ่ง พิธี การเถลิงอำนาจ ในการครองราชย์ ของกษัตริย์ ในโลก ย่อม แต่ ไม่มีใครรู้ใครทราบ หรือทราบเรื่องนี้ด้วยอย่างไร, ว่าการตรา ศาสนพิธี นั้น เดิม เมื่อ ก่อน สมัยต้นเรื่อง ต้นกัป จริง ๆ ครั้ง พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่งคัมภีร์พระสัพพัญญู ให้พราหมณ์ ไปเผยแพร่
เรื่อง พิธี ฉะนั้น เมื่อ ใดที่ จะมีการ สถาปนา พระพุทธาณาจักร อยู่โดยแท้ จงให้เจ้าเรื่อง แห่งการสถาปนา นั้น พึง ทัด พึงเหน็บ ใบไม้แก่ ที่หูซ้าย ทำเดินอุตรา แลพึง ทัด พึงเหน็บ ใบไม้เขียว ที่หูขวา ทำเดิน ทักษิณ, จึง เป็น ธรรมกิจ ยุติ การแสดงที่ กำหนด การตั้ง เขต สถาปนา บท พระพุทธาณาจักร แล้ว นั้น, ใบไม้ ตามความ ความรู้เรื่อง ใบไม้ ก็ยังใช้ ต้อง ๒ ใบ, โดยที่ สุด ประเด็นเรื่อง ใบไม้ในมือมีกี่ใบ แต่ส่วน แห่ง อาการ คือ กาย! ย่อม ว่า มี ๒ ใบ (หู) จึง รวมกับ ลิ้น! ด้วย จึงได้มี ใบไม้ ๓ ใบ, แล้ว ลิ้น (คือใบไม้) นั้น นั่นเอง คือ พระชิวหา ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกพุทธเจ้า, อันถูก แก่ นัย คือ คุณสมุทัย อันมี อันเป็น อยู่ทั่ว ฉะนั้น จะให้ได้ ผ้าสีอะไร? หาก, ครั้ง เมื่อ หาก เราว่า อย่าง เห็น ๆ กะเรื่อง เทคโนโลยี การศึกษา หรือ เครื่องมือการศึกษา ที่ทำมา ที่พัฒนา เป็น อยู่อย่างนี้ , อันคือ มัน จะต้องสรุป ไปได้ว่า (Link = นัยว่า ลิ้น!), โลก ปัจจุบันนี้ มันมีนัย! คือมี แสดง การมี ลิ้นแดง ลิ้นน้ำเงิน และลิ้นดำ อยู่เป็นหลัก, นัย ครั้งนั้น ที่แดนมนุษย์ ยัง มีการ อ่านออก บอกถูก ว่าปัญญา ไม่เสื่อม”
💻🪪🖱️…⌨️✍️🧑💻
Considering the joint development and research of the community, society, personal and spiritual conditions, by using a draft That is hypothetical With consideration In the way that there is no conclusion.
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก